12.19.2014

Review: Anya's Place Restaurant (อัญญาเพลส)

เห็นคนที่อยู่แถบนี้ชอบมากินร้านนี้กัน ก็สงสัยว่ามันมีดียังไงเลยมาลองดูซะหน่อย
ร้านอยู่ตรงถนนเลียบคลองทวีวัฒนาเลยค่ะ มาไม่ยาก ถ้ามาจากสาย4ก็วิ่งมาเหมือนจะไปมหิดล
พอถึงถนนอุทยานก็ให้ขึ้นสะพานที่เขียนว่าไปพระปิ่นเกล้า พอลงมาถนนบรมราชชนนีเสร็จขับมาสักพักจะเจอป้ายเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเลียบคลองทวีวัฒนาแล้วก็ขับเข้ามาลึกนิดนึง ร้านจะอยู่ด้านซ้ายมือค่ะ
บรรยากาศโอเคเลย ตอนที่ไปคนยังมาไม่เยอะมาก ว่าแล้วก็รีบสั่งอาหารกันเลยดีกว่า

เมนูแรกที่มาเสิร์ฟคือ เฟตตูชินี่ครีมแซลมอนรมควัน
จานนี้รสชาติพอดีมาก ไม่เค็มเกินไป ไม่เลี่ยนด้วย เส้นก็ไม่นิ่มไม่แข็งเกิน
แต่แนะนำว่าอย่ากินแซลมอนรมควันเปล่าๆนะคะ ไม่อย่างนั้นจะโคตรเค็ม 55555

พอร์คชอปย่างแบบสเปน
อันนี้ชิมคำแรกปุ๊ปเค็มม๊ากกกก พอจะแกล้มมันบดข้างๆให้หายเค็มก็ดันเค็มอีก
ในใจก็แอบคิดว่าคนสเปนเค้ากินเค็มกันขนาดนี้เลยเรอะ แต่คนชอบรสจัดๆน่าจะถูกใจแฮะ *^*

ซุปผักโขม
ซุปข้นมาก และประทับใจตรงที่ใช้ขนมปังโฮลวีตทำถ้วยซุป
อันนี้ซดซุปหมดแต่ต้องเอาขนมปังกลับบ้านค่ะเพราะกินไม่ไหวจริงๆ อิ่มอืด

สะโพกไก่ทิคก้ามาซาล่า
เป็นเมนูที่แปลกมาก แต่อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ
ไก่กลิ่นคล้ายมัสมั่น ข้างล่างเป็นโยเกิร์ต แล้วก็มีข้าวอะไรไม่รู้
กินพร้อมกันแล้วดีงามมาก มันเข้ากันได้ยังไงไม่รู้เนอะ 555555

มักกะโรนีกับแฮมอบชีส
เป็นอีกเมนูที่ฟินมาก เส้นมักกะโรนีไม่แข็งไม่เละจนเกินไป บวกกับชีสยืดๆและครีมที่หอมเนยมากๆ
ไม่มีคำบรรยายใดๆค่ะ ต้องมาลองเองอะจานนี้ ถึงจะเค็มไปนิดแต่อร่อยเว่อร์ ติดใจๆ

ปลาแซลมอนย่างซอสต้นกระเทียมญี่ปุ่น
ปลาแซลมอนชิ้นใหญ่และเนื้อแน่นมาก มันบดออกแนวหวานๆเหมือนมันเทศมากกว่ามันฝรั่ง
เหมือนเดิมค่ะ คำนึงต้องกินพร้อมกัน แซลมอน+ผักโขม+ครีมซอส+มันบด ถึงจะอร่อย
ส่วนของทอดที่มาด้วยน่าจะเป็นต้นกระเทียมทอด อร่อยดีเหมือนกัน เหมือนเฟร้นช์ฟราย
จานนี้ถึงจะแพงไปนิดนึงแต่พอได้ลองแล้วจะรู้สึกว่าคุ้มราคาสุดๆ :D

แอปเปิ้ลตุ๋นไวน์แดงกับไอศครีม
แอปเปิ้ลเนื้อหนุบๆได้กลิ่นไวน์เต็มๆแต่ไม่รู้สึกขมเลยแม้แต่นิดเดียว กินพร้อมไอศครีมวนิลาแล้วดีมาก
คนไม่ดื่มไวน์ก็กินได้เหมือนกันค่ะ (เช่นเราเป็นต้น) 555555
จานนี้สั่งมาแบ่งกับพ่อ2คน พอกินเสร็จพ่อก็พูดว่าคราวหน้าสั่งคนละจานไปเลย (สงสัยจะชอบมาก)

สรุปว่าประทับใจค่ะ อาหารอร่อยดี ขนมก็อร่อย
ส่วนเรื่องพนักงานก็กลางๆ ไม่ได้ดีแต่ก็ไม่ถึงกับแย่ ปรับปรุงอีกนิดจะเพอร์เฟกต์มาก 
(1.พนักงานทุกคนช่วยสนใจนิดนึงเวลาเรียก 2.พนักงานชายช่วยยิ้มนิดนึง เห็นแล้วเครียดตาม -_-)
ยังไงก็มาลองชิมกันดูได้ ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ บ้ายบายยยยย คร่อก

12.12.2014

Review: Roast Coffee & Eatery (โรสท์)

ที่จริงแพรเล็งร้านนี้ไว้นานมากแล้วแต่เพิ่งมีโอกาสได้ไปลอง
ร้านจะอยู่ชั้น2 โครงการ Seen Space ทองหล่อซอย13 เงยหน้าขึ้นไปจะเห็นเลย
แต่ไม่รู้ทำไมดันขับเลยและหลงไปซอย49เฉย ต้องไปวนมาใหม่อีก -_-
ขอแนะนำนิดนึงว่าไปจอดรถที่อื่นเถอะค่ะ ไม่ค่อยปลื้ม valet parking ของที่นี่เท่าไหร่ 55555
ถึงร้านปุ๊ปแน่นอนว่าต้องรอคิว ใครจะมากินที่นี่ต้องไม่หิวโฮก แต่ก็รอไม่นานมากนะไม่ถึง20นาที
ตอนที่เราไปหน้าร้านจะมีคล้ายๆ infused water ไว้ให้ฟรีด้วยค่ะ ไปกดดื่มได้ตามใจชอบเลย
พอเข้ามานั่งปุ๊ปก็สั่งอาหารแบบรัวๆ แล้วก็สั่งขนมให้เค้ามาเสิร์ฟหลังทานอาหารทั้งหมดเสร็จ

เมนูแรกที่มาเสิร์ฟคือ Caesar Salad
ผักสดมาก ขนมปังอร่อย กินพร้อมไข่ลวกยิ่งฟิน :p

Duck Confit Salad
เป็ดอร่อยมาก ไม่มันเกิน ไม่เหนียวเกิน และทุกอย่างในจานต้องกินพร้อมกันถึงจะอร่อย
ใครมาคนเดียวแนะนำเมนูนี้เลยค่ะ อิ่มแบบพอดีๆ เหลือท้องไว้กินของหวานต่อได้สบาย (นั่น)

Salmon Fish Fingers
ไอ้เขียวๆนั่นตอนแรกนึกว่าน้ำจิ้มซีฟู้ด ปรากฏว่าไม่ใช่ค่ะ ยิ่งจิ้มก็ยิ่งเลี่ยนซะงั้น 
แนะนำให้บีบเลม่อนลงตรงปลาไปหน่อยจะโอเคขึ้น แต่สำหรับเรากินปลาเปล่าๆก็อร่อยดีอยู่แล้ว

มาในส่วนของหวานกันบ้างดีกว่า :D

Strawberry Waffle
เมนูนี้ใครมาแล้วไม่สั่งคงเรียกว่ามาไม่ถึงใช่ไหมคะ 55555
พอได้ลองแล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ วาฟเฟิลนุ่ม สตรอว์เบอร์รี่สดมาก รสออกเปรี้ยวๆ
ครีมสดข้างในก็อร่อย ยิ่งราดเมเปิ้ลไซรัปและทานพร้อมไอศครีมวนิลายิ่งฟินหนัก ><

Buttermilk Pancake with Banana, Walnuts, Butterscotch & Peanut butter Ice cream
ถ้าจำไม่ผิดเมนูนี้จะมีเฉพาะช่วงเดือนนี้ค่ะ อร่อยจนลืมอ้วนอีกเช่นเคย
หอม butterscotch มีวอลนัตกรุบกรอบ แถมไอศครีมรส peanut butter รสชาติเข้มข้นมาก
เอาใจไปเลยค่ะจานนี้

Iced Espresso Latte
ชอบเมนูนี้มากกกก เหมาะสำหรับคนเพิ่งเริ่มดื่มกาแฟสุดๆ
เหมือนกินนมกลิ่นกาแฟอะค่ะ นั่งรอน้ำแข็งกาแฟละลายนานนิดนึง
ถ้าอยากกินหวานก็เติมน้ำเชื่อมเอา แต่สำหรับเราอันนี้แหละโอเคแล้ว

สรุปคือชอบค่ะ ติดใจมาก มาอีกแน่นอน โดยเฉพาะขนมนี่อร่อยมาก
ร้านนี้ไม่ต้องเชิญชวนเพราะคนมากันเยอะอยู่แล้ว 555555
ขอจบรีวิวเพียงเท่านี้ค่ะ บ้ายบายยยยย

12.04.2014

Diary: แชร์ประสบการณ์สอบข้อเขียน+สัมภาษณ์ที่MUIC

สวัสดีอีกครั้งฮับบบบ เพิ่งจะว่างมาเขียนหลังจากที่หัวฟูกับการสอบแกทแพทเมื่อไม่นานมานี้ 5555
พอมานั่งดูตารางสอบแล้วก็ได้แต่คิดว่าเมื่อไหร่ฉันจะว่างวะเนี่ย ฮือออออ T^T 
โอเคเลิกบ่นก่อนแล้วมาเข้าเรื่องกันดีกว่า สรุปแพรติดPC2ที่มหิดลอินเตอร์ค่ะ 
ยืนยันสิทธิ์ไปแล้วเรียบร้อย ไม่รู้ว่าพูดได้เต็มปากหรือยังว่ามีที่เรียนแล้ว 55555
กว่าจะผ่านมาได้นี่คืออุปสรรคเยอะมาก เรียกได้ว่าวุ่นวายตั้งแต่ตอนเปิดรับสมัครเลยดีกว่า
เราเลือกจะกรอกข้อมูลในเว็บค่ะ แล้วค่อยไปยื่นเอกสารต่างๆที่วิทยาลัยอีกที
และแล้วก็กรอกข้อมูลผิดๆถูกๆด้วยความรีบจนต้องไปแก้ตอนวันที่ไปยื่นเอกสาร
วันที่ไปยื่นเอกสารก็ตื่นสายอีก ตื่น11โมงออกจากบ้าน11โมงครึ่ง ที่คิดไว้ว่าจะนั่งรถเมล์ไปเรื่อยๆก็ต้องยกเลิกแล้วต้องโบกแท็กซี่ไปแทน ดีที่ไปถึงก่อนเที่ยง 5555 (โชคดีบ้านใกล้)
ก็ยื่นเอกสาร รับบัตรสอบ และได้ตัวอย่างข้อสอบมาให้ลองทำดูตอนว่างๆ
ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรค่ะ ไปเรียนmathเพิ่ม2ชม.และนั่งทวนทุกอย่าง3ชม.ในวันก่อนสอบ
เรียกได้ว่าเตรียมตัวมาน้อยมากๆ คือยังสบายๆอยู่ 55555 วันไปสอบก็ไปสายสุดในกลุ่มค่ะ
คนอื่นมาถึงกันตั้งแต่เช้าตรู่ นี่ไปถึงครึ่งชม.ก่อนสอบ ไปถึงก็หาห้องน้ำเข้า ไม่อ่านอะไรเพิ่มแล้ว
แล้วก็ไปที่ตึกที่จะสอบ ตอนแรกหาห้องไม่เจอ มารู้ทีหลังว่าไปผิดฝั่ง โวะ -_- ให้ตายเถอะ
ช่วงเช้าจะสอบTOEFLค่ะ บรรยากาศตึงเครียดมาก ห้องเงียบ มีข้อสอบวางแหมะอยู่ตรงหน้า
ฟังระเบียบการนู่นนี่นั่นแปปนึงแล้วก็เริ่มสอบค่ะ จะมีตัวจับเวลาฉายอยู่ด้วย ทำให้เรากดดันมากๆ
พาร์ทฟังมีสติหลุดบ้างตามประสา พาร์ทอ่านกับerrorทำไม่ทันนิดหน่อยประมาณเกือบ10ข้อ (นิดหรอ)
ก็เดินสติหลุดออกมาเจอตัวเงินตัวทองตัวเบ้อเร่อหน้าตึก ทีนี้แหละสติกลับเลยค่ะ 55555
มากินข้าวกลางวันเสร็จก็ไปสอบmathกับwritingต่อ อาการง่วงไม่มีเลย ตื่นเต้นล้วนๆ
จำไม่ได้ว่าสอบอะไรก่อนแต่รู้ว่าmathทำช้อยส์ได้ พาร์ทเขียนแสดงวิธีทำได้แต่หาคำตอบไม่ได้ (กาก)
ส่วนwritingก็นั่งตะลึงกับหัวข้อประมาณ1นาทีแล้วค่อยเลือกหัวข้อที่พอแถได้ไป เขียนไป3แผ่น
พอสอบเสร็จก็ไม่อยากคุยกับใครเลย ถือกระเป๋าเดินออกมาจะกลับลูกเดียว 55555
ขึ้นรถมาพ่อแม่ก็ถามว่าเหนื่อยมั้ย แล้วก็พาไปกินสเต็กแก้เครียด ฮี่ๆ

รอผลประมาณ3อาทิตย์ พอถึงวันประกาศก็ตื่นเต้นนะแต่ก็ไม่ซีเรียสถ้าไม่ติดอะไรเลย (ก็ดูทำเข้าสิ)
ปรากฏว่าติดPCและได้ไปสัมภาษณ์บ่ายวันศุกร์ก่อนสอบแกทแพทค่ะ ดีใจมากกกกกก
ก็เลยถือโอกาสลาวันพฤหัสเพิ่มเลยเอาไปอ่านหนังสือเตรียมสอบ (จริงๆนะตัว '3')

วันสัมภาษณ์ไปถึงก็บรรยากาศตึงเครียดอีกแล้ว เครียดอะไรกันเยอะแยะ 55555
แพรได้เป็นคนแรกของกรุ๊ปค่ะ งานเข้าเลยทีนี้ เลยคิดแบบนี้อีกที "ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร"
ตอนรอหน้าห้องเจออาจารย์ฝรั่ง2คนที่จะมาสัมภาษณ์เราก็ยิ้มให้และgood afternoonเค้าไป
พอถึงเวลาเข้าไปสัมภาษณ์ดันไปgood morningใส่เค้าซะอย่างงั้น สมองกลับหรือเป็นบ้าไปแล้วฟะ
เค้าก็แก้ให้แล้วก็เริ่มถามคำถามค่ะ ไม่มีคำถามเกี่ยวกับmajorที่เลือกเลย วัดความคิดเราล้วนๆ
ก็ตอบได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่ค่อยเป็นประโยคเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ถึงขั้นdead airปล่อยห้องเงียบ
กลับมาขึ้นรถด้วยหน้านอยด์ๆเหมือนเดิมแล้วก็ไปเดินเซ็นทรัลศาลายาต่อ (นั่นเครียดแล้วเหรอ)

พอประกาศผลสัมภาษณ์ปุ๊ปก็อย่างที่บอกค่ะ ติดPC2 ตอนแรกว่าจะไม่เอา
แต่พอมาคิดดูดีๆ เฮ้ มันดีกว่าไม่มีที่เรียนเลยนะ ก็เลยยืนยันสิทธิ์ไป
ก็อยากจะฝากไว้ว่าอย่าทำตัวแบบเราที่ไม่เตรียมตัวอะไรเลย เต็มที่กับมันที่สุดดีกว่า
เดี๋ยวรอคะแนนแกทแพทออกจะมาเม้าท์อีก วันนี้ไปแล้วค่ะ บ้ายบายยยย

11.12.2014

Diary: แชร์ประสบการณ์สอบทุนรัตนมงคลที่ม.หอการค้าไทย

จริงๆมันสอบไปสักพักนึงแล้วแต่เพิ่งมาเล่าเพราะรอให้แน่ใจว่าติด/ไม่ติดจริงๆ
สุดท้ายก็อย่างที่รู้กันนะคะ ไม่ติดค่ะ 55555 แต่จะมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังกัน
เริ่มจากการไปถึงที่มหาลัยเช้าพอสมควร พ่อแม่มาส่งแล้วก็กลับ ไม่นั่งรอ
เพราะเค้าบอกว่าถ้านั่งรอเนี่ยเราจะไม่รู้จักหาเพื่อน จะคิดว่าแบบยังไงก็ได้ไปนั่งกับพ่อแม่ก็ได้งี้
แถมกลัวว่าเราจะกดดัน เลยแค่มาส่งแล้วก็กลับบ้านไป (ไกลมากกก) แล้วตอนเย็นค่อยมารับอีกที
พอไปถึงเห็นคนต่อคิวกันเยอะมากกก นี่ก็งงเลยถามเค้าว่าทำอะไรกัน เค้าก็บอกว่านี่คือต่อคิวลงทะเบียน 
ทุกคนต้องมาลงชื่อยื่นเอกสารตรงนี้ก่อน แต่ละแถวก็จะมีบอกว่าลำดับที่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่
ดูดีๆอย่าไปต่อผิดแถวนะคะ เพราะทำมาแล้ว -_- 55555 วาร์ปแทบไม่ทัน
ก็ต้องไปติดรูปให้เรียบร้อยก่อนเพราะไม่ได้ติดมาจากบ้าน กาวก็ไม่มีอีก เลยยืมคนที่มาสอบเหมือนกัน
แล้วก็เลยได้คุยกันว่าแบบไปสอบที่ไหนมาบ้าง อะไรยังไง แล้วก็ได้รู้จักกันค่ะ
ไอ้เรารู้สึกแบบ เห้ยขนาดแค่นี้ยังไม่พร้อมเลย นี่เราเตรียมอะไรมาบ้างวะชีวิต
ขนาดเงินยังเอามาแค่60บาทเพราะลืมขอพ่อแม่ หึหึหึหึ

พอถึงเวลาเริ่มสอบก็ไปดูผังข้างหน้าห้องว่าเลขที่ไหนแถวไหนอยู่ตรงไหน แล้วก็ไปนั่ง
เวลาสอบไม่ได้สอบแบบกาลงกระดาษนะคะ เป็นแบบกดปุ่มตอบเอา จะมีโจทย์ขึ้นมาตรงโปรเจกเตอร์แล้วก็ต้องกดตอบให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด ย้อนกลับไม่ได้แล้วนะเออพลาดแล้วพลาดเลย
ไม่ต้องกลัวมันใช้ไม่ยากค่ะ มีคู่มือมาให้ และก่อนสอบทดสอบระบบนานพอสมควรว่าใช้ได้ทุกเครื่องไหม
แบบนี้ก็ดีนะคะ พอเริ่มสอบจะได้ไม่มีปัญหา หรือถ้ามีก็ให้รีบยกมือบอกอาจารย์ เค้าจะมาดูให้ค่ะ
แล้วถ้าใครมองโจทย์ไม่เห็นก็เปลี่ยนที่นั่งได้ ก็ถอดเครื่องมาด้วยเพราะมันจะมีชื่อกับข้อมูลของเราอยู่
จำแนวข้อสอบไม่ค่อยได้ แต่มีอยู่3ส่วนมั้ง อังกฤษ คณิตศาสตร์และการให้เหตุผล 
(ปล.เราสอบคณะบริหารธุรกิจ ข้อสอบอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละคณะ)
จะบอกว่าพาร์ตการให้เหตุผลพยายามเก็บคะแนนให้ได้เยอะๆนะ เพราะไม่ยากเลย
มันจะเป็นประมาณแบบ ให้รูปมา4รูป รูปต่อไปน่าจะเป็นรูปอะไร แล้วก็หาคำที่มีความหมายใกล้เคียงกันงี้
ภาษาอังกฤษไปฝึกทำ error มาเยอะๆและจับเวลาด้วย เพราะข้อนึงให้เวลาไม่กี่วินาทีเอง
ส่วนคณิตศาสตร์น่ะเหรอคะ พยายามคิดเลขให้ไวค่ะ ไม่ให้ใช้เครื่องคิดเลขด้วย ทดลงกระดาษอย่างเดียว
ถ้าเรื่องไหนไม่เคยเรียนให้มั่วโลด ไม่ก็ลองคิดโดยใช้ทุกสูตรที่มีอยู่ในหัว 

พอสอบเสร็จปุ๊ปก็จะมีให้พักกินข้าว และรอประกาศผลข้อเขียนในบ่ายวันนั้นเลย
เราก็เลยไปซื้อขนมที่เซเว่นกินแล้วก็เจอเพื่อนเมื่อเช้ากับเพื่อนอีกคน เลยไปนั่งเกรียนด้วยกัน รอผล
รอนานมากค่ะ แล้วประกาศพวกคณะสายศิลป์ก่อน คณะสายวิทย์รอต่อไป 
แล้วก็มีการบอกว่าถ้าติดหมด3คนจะมากระโดดสะพานด้วยกัน 55555 แล้วก็เฮฮากันไปเรื่อยเปื่อย
พอประกาศคณะสายวิทย์ปุ๊ป กลุ่มเราก็เฮกันไปค่ะ คนมารุมกันที่บอร์ดแทบจะทับกันตาย
เลยส่งหน่วยกล้าตายไปถ่ายรูปรายชื่อมา ดันไม่บอกชื่อด้วยนะ บอกแค่รหัสประจำตัว 
นี่ก็เลยต้องเข้าไปดูในเน็ตอีกทีแล้วก็เทียบเอา สรุปคือเราผ่านค่ะ ตอนนั้นดีใจน้ำตาแทบไหลมาก
ส่วนเพื่อนอีกคนนึงไม่ติดก็เลยกลับบ้านไป เสียดายยย TT เค้าคัดออกเยอะมากนะคะ ต้องระวัง
แล้วเรากับเพื่อนเมื่อเช้าก็ขึ้นไปรอสอบสัมภาษณ์กันค่ะ รอกันค่อนข้างนาน เราไม่มีพอร์ตไปนะคะ 
คือคนอื่นส่วนใหญ่เค้าทำไปกันหมดอะ รู้สึกแบบเอาละ ไม่น่าจะได้ละทุนนี้ ทำใจรอไว้แล้ว 
แต่เราพกความจริงใจไปเต็มเปี่ยมนะเออ พร้อมตอบทุกคำถาม สู้เว้ย!! 555555
พอถึงคิวเราเข้าไปอาจารย์ยิงคำถามรัวมากเพราะไม่มีพอร์ต (เพราะฉะนั้นทำมาเถอะจ้ะ จะได้ไม่เหนื่อย)
มีเงิบบ้างนิดหน่อยแต่ก็ตอบทุกคำถาม แต่ละคำถามค่อนข้างจะลองใจเรา
ไม่ได้บอกว่าดีหรือไม่ดีนะ แค่พูดว่าอาจารย์จะลองใจเรา ไปคิดกันเอาเอง
แล้วก็ถามเรื่อยเปื่อยทั่วไป ถามเป็นภาษาญี่ปุ่นบ้างเล็กน้อย (เราเรียนสายญี่ปุ่นมา)
พอจบปุ๊ปเราก็ออกมารอเพื่อน พร้อมทำหน้าเสียใส่แล้วบอกว่าเห้ยแกเราโดนยิงรัวเลยว่ะ 55555
พอเพื่อนเราเข้าไปจนออกมาปุ๊ปเค้าบอกอาจารย์คุยดีมาก ดีจนน่าแปลกใจ
นี่ก็คิดว่าอ้าว แล้วทีนี้ใครล่ะที่จะติด แล้วก็กลับบ้านไปรอผลค่ะ ระหว่างนั้นนี่เครียดหน้าย่น

หลังจากนั้น3วันผลก็ออก เพื่อนเราติดตัวจริงค่ะ ส่วนเราติดตัวสำรองอันดับ9....จาก10คน
บ้าไปแล้วค่ะเห้ยยยยยย กลับบ้านมาร้องไห้ไม่หยุดเลย จริงอยู่ที่ยังมีโอกาส แต่มันริบหรี่มาก
พลาดตรงสัมภาษณ์ชัวร์แบบไม่ต้องสงสัยอะไรใดๆ ไม่มีอารมณ์ทำอะไรเลยค่ะตอนนั้น
ไม่เรียน ไม่อ่านหนังสือ เอาแต่นั่งเหม่อ กลับบ้านมาก็ร้องไห้ ใครชวนไปเที่ยวไหนไม่ไป 
เป็นแบบนี้อยู่อาทิตย์นึงเลย ใครจะหาว่าเว่อร์ก็ได้ แต่ไม่เจอเองไม่เข้าใจหรอกค่ะ
จนมาถึงตอนนี้ที่เค้าไม่โทรมาเรียกตัวสำรองถึงอันดับเราเลย ก็พอทำใจได้แล้ว
เพราะรู้มาว่าคนสละสิทธิ์น้อยมาก แหงล่ะสิขึ้นชื่อว่าทุนอะเนอะ ใครๆก็อยากได้
พ่อแม่ก็ให้กำลังใจว่าฝ่าฟันมาถึงขั้นนี้ได้ก็เก่งมากแล้ว ไม่เป็นไรหรอก
ฉะนั้นคนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง~ 55555 เดี๋ยวไปเตรียมลุยสนามสอบอื่นแล้วจะเอามาแชร์อีกนะคะ
อยากถามอะไรก็คอมเม้นท์มาได้เลย เพราะนี่ถือว่ายังเล่าไม่ละเอียดมากเท่าไหร่ ฮี่ๆ
ไปอ่านหนังสือเตรียมสอบต่อแล้วค่ะ บ้ายบายยย :D

10.16.2014

Review: Cafe Camero & Papa's Pan

หายไปเก็บข้อมูลมาพักใหญ่เลย ยังจำเดอะทรีบางบอนข้างกรพิทักษ์กันได้อยู่เปล่า?
ที่เราเคยรีวิวไปว่ามันไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ 55555 วันนี้ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ซะแล้ว
เพราะ2ร้านนี้ที่เรากำลังจะมารีวิวให้ชมกันนี่แหละ ทำให้ที่นี่ไม่ธรรมดา เหมือนจะเว่อร์แต่ก็ไม่ :p
ที่มาเขียนรีวิวรวบ2ที่เลยเพราะไม่แน่ใจว่าเจ้าของคนเดียวกันมั้ย 
และจะนั่งร้านไหนก็สั่งขนม/เครื่องดื่มจากอีกร้านนึงได้ตลอด ก็เลยเอาแบบนี้ละกัน 55555

เริ่มจาก Cafe Camero กันก่อนเลยละกัน จริงๆไม่รู้หรอกว่ามันดียังไง
จนมีวันนึงที่พ่อแม่เราไปลองนั่งกินกาแฟร้านนี้ดูแล้วบอกว่าชอบมาก (ปล.บ้านอยู่แถวนี้)
อีกวันนึงหลังเลิกเรียนพิเศษเลยมากับแม่2คน ลองสั่งลาเต้ร้อน ช็อคโกแลตเย็น และวอฟเฟิลมากิน
(ในรูปคือลาเต้ร้อนกับวอฟเฟิลบัตเตอร์มิลค์)
เราก็แบบเห้ยมันอร่อยมาก ร้านก็สวย นั่งสบาย พนักงานเป็นกันเอง ติดใจสุดๆ
ยัง มันยังไม่จบ อาทิตย์ถัดจากนั้นเลยมาแต่เช้าแล้วมากินก่อนไปเรียนพิเศษ
คราวนี้สั่งคาปูชิโน่ร้อน ลาเต้ร้อน วอฟเฟิลทูน่า และวอฟเฟิลช็อคโกบานาน่า

คาปูชิโน่ร้อน

ลาเต้ร้อน

วอฟเฟิลทูน่า

วอฟเฟิลช็อคโกบานาน่า

กาแฟเค้าอร่อยอยู่แล้ว สั่งหวานมากหวานน้อยอะไรตามใจชอบ (คาปูร้อนเราเอามาใส่น้ำตาลเองนะ)
วอฟเฟิลทูน่าอร่อยใช้ได้ แต่ดันไม่มีผักเลยรู้สึกขาดๆอะไรไป แต่คนอื่นคงจะชอบกัน
ส่วนวอฟเฟิลช็อคโกบานาน่านี่กล้วยกับช็อคโกแลตเน้นๆจริงๆ แต่รู้สึกชอบบัตเตอร์มิลค์มากกว่า

จบไปแล้วในส่วนของ Cafe Camero ติดใจบรรยากาศร้านมาก หลังๆไปบ่อยโคตร 
เพราะมันราคาถูกด้วยแหละ ส่วนใหญ่อย่างละไม่เกิน100บาทและเค้าใช้แต่ของดีๆหมดเลย
ขอโทษที่อธิบายแบบมืออาชีพไม่ได้ว่ากาแฟแต่ละตัวเป็นยังไง รู้ว่าอร่อยก็เออจบ 55555
เห็นร้านดีๆแบบนี้แล้วอยากดันให้ดัง ไปลองกันเยอะๆนะคะ :D
ส่องเมนูและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ facebook.com/Camerocafe

มาในส่วนของร้าน Papa's Pan กันบ้าง บอกเลยว่าเป็นร้านแพนเค้กที่ราคาถูกมากถึงมากที่สุด
แถมยังตกแต่งได้สวยงามเหมือนร้านดังๆในห้างเลย อร่อยด้วยขอบอก

แพนเค้กแบบออริจินัล มีทั้งแบบ3ชิ้นและแบบ6ชิ้น
โดยที่3ชิ้นจะอยู่ที่59บาท ส่วน6ชิ้นอยู่ที่69บาทเท่านั้น
สั่งแบบ6ชิ้นคุ้มกว่ามากค่ะพูดเลย 

เมนูต่อไปคือ โคปาคาบาน่าแพนเค้ก
ข้างในก็จะมีกล้วย โอรีโอ้ แพนเค้ก1แผ่น วิปครีม กล้วยตาก และไอศครีมช็อคโกแลต
ทุกอย่างเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อค่ะ โดยเฉพาะวิปครีมกับกล้วยตาก ผมนี่อึ้งไปเลย
ยิ่งราดเมเปิ้ลไซรัปแล้วกินทุกอย่างพร้อมกันยิ่งฟิน โหลนี้สนนราคาอยู่ที่99บาทเท่านั้น

สุดท้ายคือ ช็อคโกบานาน่าแพนเค้ก
จัดเรียงได้สวยงามมาก เอาไว้ถ่ายรูปยั่วเพื่อนๆได้ดีเลยแหละ อิอิเลว 55555
อร่อยแต่ธรรมดาไปนิดนึงค่ะ รู้สึกโคปาคาบาน่าจะครบเครื่องกว่า
จานนี้ราคาอยู่ที่79บาทเท่านั้น ถูกกันเข้าไป

จบแล้วค่ะกับร้าน Papa's Pan ประทับใจตรงใช้จานแบบกระทะร้อนนี่แหละ
ทำให้ถ่ายรูปแล้วสวย ดูแพง แต่จริงๆแล้วราคาถูกมากๆเลย
ยิ่งมากับเพื่อนแล้วสั่งหลายๆอย่างแล้วหารกันยิ่งคุ้มฝุดๆ 
ยกพวกมากินกันเยอะๆนะคะ (แลดูเหมือนยกพวกตี 55555)

ตอนนี้เดอะทรีมีทั้งวัตสัน, แม็กซ์แวลู, ฮ่องกงนู้ดเดิล, โอชายะ และอื่นๆอีกมากมาย
รวมทั้ง2ร้านนี้ที่เรามองว่าเป็นตัวเด็ดของที่นี่เลย ถ้าผ่านมาแถวนี้ก็แวะกันมาได้
ที่รีวิวมานี้ไม่ได้ค่าตัวเลยซักบาทนะคะ 55555 มันดีจนอยากบอกต่อจริงๆ :p
หวังว่าคงจะถูกใจกันนะคะ ไปเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยแล้ว บ้ายบายยยย

10.03.2014

Zalora #OWNNOW Contest

จบไปแล้วกับการสอบปลายภาคม.6เทอม1 ถือว่าเป็นเทอมที่สำคัญที่สุดเทอมนึงเลยก็ได้
วันนี้ปิดเทอมวันแรกก็เลยมาทยอยรีวิวสิ่งที่ค้างคามากมาย 
เริ่มจากการแชร์ประสบการณ์ช้อปปิ้งจาก www.zalora.com กันก่อนเลย
ส่วนตัวแล้วเป็นคนไม่ช้อปออนไลน์เพราะขี้เกียจโอนเงินและห่วงเครื่องความปลอดภัย
แต่ของ zalora มีบริการเก็บเงินปลายทางค่ะ คือรอให้ของถึงมือก่อนค่อยจ่ายเงินงี้ ดีสุดๆ :D
ประกอบกับการได้รับ voucher 500 บาทจากนัฟแนง ก็เลยถือโอกาสลองช้อปดู
คือช่วงนี้เรากำลังมองหากระเป๋าสะพายข้างหรือคลัตช์สวยๆอยู่พอดีค่ะ
ก็เลยเลือกคลัตช์สีทองมา1ใบ ราคา 449 บาท ใช้ voucher ไปเสียแค่ค่าส่ง 59 บาท คุ้มมากกก
สั่งไปได้ประมาณ2วันเค้าก็โทรมาว่าจะมาส่งของตอนบ่ายๆ ก็เลยให้คนที่บ้านเซ็นรับแทนไป
ของได้ถูกห่อมาเป็นอย่างดี กาวเหนียวมากเลยต้องใช้กรรไกรตัดถุงแทน 55555
ตรงหน้าถุงก็จะมีใบส่งของกับใบคืนสินค้า แกะออกมาข้างในก็จะมีถุงที่เอาไว้คืนสินค้า
ถ้าต้องการคืนสินค้าก็คลิกเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย
แต่จริงๆที่ใบคืนสินค้ากับที่ถุงคืนสินค้าก็มีรายละเอียดบอกอยู่นะ 55555 เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า 
การสั่งของออนไลน์แบบนี้ปัญหาที่ต้องเจอแน่ๆก็คือสภาพของไม่เหมือนในรูปใช่ไหมคะ
เดี๋ยวแพรจะโพสต์รูปในเว็บกับรูปของที่ได้จริงๆเทียบให้ดูเลยละกันเนอะ

รูปจากในเว็บ zalora


รูปของที่ได้รับ
จะเห็นได้ว่าสภาพของจริงกับในรูปดีเหมือนกันทั้งคู่เลย ประทับใจสุดๆ ><
สุดท้ายก็อยากจะชวนทุกคนมาช้อปออนไลน์กันเยอะๆค่ะ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเลย
ยิ่งมีบริการเก็บเงินปลายทางแบบนี้ยิ่งสบายใจหายห่วง
ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ขอตัวไปเห่อกระเป๋าใหม่ก่อนดีกว่า บ้ายบายยย

9.12.2014

Diary: ความสุขง่ายๆของผู้หญิง(?)คนหนึ่ง

ทั้งการบ้านทั้งสอบเต็มไปหมด เพิ่งจะว่างมาเขียน ฮือออ T_T
ก็เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา Bobbi Brown ชวนไปลองแป้งตัวใหม่มา
ได้เวลาแต่งหญิงอีกแล้วสินะ 55555 ก็เลยเลือกเดรสสีชมพูมาใส่ค่ะ
(ปล.ทั้งแต่งหน้าทั้งแต่งหญิง ไม่คุ้นตัวเองอย่างแรง)

พอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็ตัดสินใจเดินจากพารากอนไปเซ็นทรัลเอ็มบาสซี่
เดินเอาล้วนๆมีวิ่งสลับบ้างเล็กน้อย ที่แต่งหน้าไว้เยิ้มหมดเลย 55555
 พอมาถึงก็เดินเล่นสำรวจนิดๆหน่อยๆ ไปเปลี่ยนสมุดบัญชีที่กสิกร ไปเดิน sephora
แล้วก็รู้สึกหิวอย่างรุนแรงแล้วไม่รู้จะกินอะไรดี งบก็มีไม่มาก
สุดท้ายตัดสินใจเดินเข้า Dean & Deluca ที่บ่ายๆแล้วคนก็ยังเยอะพอสมควร
เพิ่งรู้ว่าที่นี่นั่งโต๊ะแล้วสั่งได้ ไม่ต้องยืนสั่งหน้าเคาท์เตอร์
เราก็สั่ง caramel macchiato กับ spaghetti carbonara มา
ค่าเสียหายรวม 380 บาท รูดบัตรเองเพราะเกินงบ =_= แต่ยอมเพราะอร่อยจริงๆ

พอถึงเวลาจะกลับบ้าน ที่บ้านปล่อยให้กลับเองค่ะ ไม่มีใครออกมารับเพราะรถติด
แบบนี้ก็เงิบสิ เพราะกว่าจะถึงบ้านต้องขึ้นรถไฟฟ้าแล้วต่อเรือต่อรถอีก โหหหห
นั่งงอแงซักพักแล้วถึงยอมกลับค่ะ ก็มาเปลี่ยนเป็นชุดป้าที่บีทีเอสบางหว้าแล้วก็ขึ้นเรือกลับ
กว่าจะถึงบ้านนี่เหนื่อยสุดๆไปเลยค่ะ แต่พอได้มาทบทวนสิ่งที่ทำตั้งแต่เช้าแล้วก็รู้สึกแฮปปี้
แล้วก็ค้นพบแล้วว่าความสุขมันอยู่ตรงนี้นี่เอง แค่แต่งหญิงไปหาอะไรอร่อยๆกินคนเดียว
ชีวิตเด็กโสดมันก็ดีอย่างนี้ แต่อย่านานเกินไปเลยนะ 55555 เดี๋ยวเฉากันพอดี
แต่ถ้ามีคนเข้ามาทำให้เฉากว่าเดิม ก็สู้อยู่แบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอ จริงไหม? ><
ช่วงโสดไม่ใช่เวลามานั่งเฉาค่ะ ควรจะกอบโกยความสุขให้ได้เยอะๆ 
ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวอยู่กับตัวเองให้มากๆ ช่วงที่เราไม่โหยหามันจะชอบมีเข้ามาเองตลอด
แปลกเนอะ ทีเราดิ้นรนแทบตายกลับได้แต่นั่งตบยุง 555555
มีแฟนมันก็มีความสุข แต่โสดก็มีความสุขไปอีกแบบ ส่วนตัวชอบทั้งสองแบบ ฮ่าๆ
ก็ขอจบการเม้าท์มอยแต่เพียงเท่านี้กัน สวัสดีค่ะ

7.24.2014

Review: Clear Nose Blackhead Remover Solution

ด้วยความที่เราใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนของบิโอเรมานานมากแล้วก็เลยอยากจะลองของใหม่
เห็นตัวนี้มันลดราคาอยู่ที่วัตสันและแถมตัวคอตตอนรีฟิลด้วยเลยซื้อมาลองใช้ดู
อยากรู้ว่าของที่ได้รางวัล Beauty Hall of Fame 2012 จากคลีโอเนี่ยจะดีขนาดไหน 55555

ตัว clear nose set ข้างในก็จะมีอยู่ 3 ชิ้นดังต่อไปนี้

Step 1 pore-smooth magic water
คือมองเผินๆจะนึกว่าน้ำเปล่า แต่จริงๆไม่ใช่ คือมันเอาไว้ทำให้สิวเสี้ยนอ่อนนุ่มลง
กลิ่นแปลกๆอธิบายไม่ถูกแต่ไม่ได้เหม็น เทลงมือแล้วแห้งไวมากต้องรีบโปะลงจมูก
ตอนทาจะรู้สึกตึงแสบๆยิบๆนิดหน่อย ก็รอประมาณ 1 นาทีแล้วไปที่ step ต่อไปเลยค่ะ

Step 2 blackhead eraser mask
เวลาเปิดระวังนิดนึงนะคะ มันจะหกเละเทะ =_=
มันเป็นมาสก์ข้นๆเหนียวๆสีดำช่วยดูดสิวเสี้ยน เกลี่ยค่อนข้างยากเพราะเหนียวมากกกก
พอทาทั่วบริเวณที่ต้องการเสร็จแล้วก็ไปที่ขั้นตอนต่อไปค่ะ

Step 3 cotton peel off
ขั้นตอนสุดท้ายก็เอาเจ้าแผ่นนี่แปะลงไปที่จมูกเราซะ
แล้วก็ใช้มือกดๆๆๆจนกว่าจะเห็นมาสก์มันซึมขึ้นมาบ้าง
แล้วก็รอเวลาประมาณ 20 นาทีค่ะ
ตรงจมูกเละเทะมาก เหมือนทหารพรางตัว แต่นี่พรางแค่จมูก 555555
พอครบ 20 นาทีก็ดึงออกค่ะ ดึงจากซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้ายแล้วแต่สะดวก
เอ๊ะทำไมไม่มีอะไรหลุดออกมาเลย เราทดลองมา 3 รอบใน 2 เดือนที่ผ่านมานี้เป็นแบบนี้ทุกรอบ
บางรอบมีหลุดบ้างแต่น้อย เหลือบนจมูกเพียบ และแต่ละครั้งที่บีบตัวมาสก์ก็ไม่ได้บีบน้อยนะ 
ทำไมกันนนน T^T ทำไมคนส่วนใหญ่เค้าใช้แล้วคอนเฟิร์มว่าดี หลุดออกมาเยอะ แต่เรา...555555
เฟลค่ะ แต่เราคงเป็นหนึ่งในร้อยที่เจอปัญหาแบบนี้ เพราะใครๆก็ใช้แล้วรอด
คงต้องทนใช้ให้หมดสินะ ขอโทษที่พูดตรงนะคะแต่รีวิวก็คือรีวิวไม่ใช่โฆษณา
อย่าลืมว่าผลลัพธ์ที่ได้ในแต่ละคนไม่เหมือนกัน ยังไงก็ไปหามาลองใช้กันก่อนได้ค่ะ
ขอจบรีวิวแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีค่ะ -/\-

7.14.2014

OpenBag: เปิดถุงช้อปเครื่องสำอางจาก Bobbi Brown

จำกิจกรรม NIVEA Make Up Clear Blog Contest วันนั้นได้ป่ะ
เออแพรชนะว่ะ 55555 ยินดีกับเราหน่อย เฮ้~~ //โดนปารองเท้า T^T
ก็ได้รางวัลเป็นคอร์สแต่งหน้าและ voucher 9,000 บาทเอาไว้ซื้อเครื่องสำอางที่ Bobbi Brown
ขอบคุณนัฟแนงกับนีเวียมากๆเลยนะคะ ดีใจสุดๆไปเลย ไม่คิดว่าจะได้ ><
ถึงขั้นลงทุนแต่งหญิงครั้งแรกไปที่เคาน์เตอร์ Bobbi Brown เลยทีเดียว
ตอนเรียนแต่งหน้าก็แอบเกร็งนะ รู้เลยว่าตัวเองทำหลายอย่างผิดมาโดยตลอด
คือปกติมีอะไรก็โบกๆไปอย่างไร้ทิศทาง ไม่ได้โปรเล๊ยยยย 555555
พี่เค้าก็สอนเราทุกอย่างตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมผิว ลงรองพื้น คอนซีลเลอร์ อายแชโดว์ บลาๆๆ
แล้วก็กันคิ้วให้เราใหม่ซะสวยเลย ขอบคุณมากนะคะ -/\-
แล้วก็ถึงเวลาช้อปปิ้งกันแล้ว 55555 ก็เลือกจากสิ่งที่พี่เค้าแนะนำและใช้กับหนังหน้าเรานั่นแหละค่ะ
ไปดูกันเลยดีกว่าว่าเราได้อะไรมาบ้าง เริ่มที่หมวดสกินแคร์กันก่อนเนอะ

Vitamin Enriched Face Base (2,200 บาท)
ตัวนี้ใช้ทาตอนเช้าก่อนแต่งหน้าและกลางคืนก่อนนอน เนื้อมันจะข้นเหมือน body butter เลย
เพราะฉะนั้นควรจะเอามาวอร์มที่มือแปปนึงก่อนค่อยทาลงผิวหน้าไปนะคะ
มีกลิ่นหอมจากเกร๊ปฟรุตและเจราเนี่ยม  ให้ความรู้สึกว่าทาแล้วยุงจะไม่กัดหน้าแน่นอน 55555 แซวเล่น

Hydrating Eye Cream (1,900 บาท)
นี่คืออายครีมกระปุกแรกในชีวิตเราเลย
ตอนเช้าใช้ทาบริเวณใต้ดวงตาก่อนแต่งหน้า จะช่วยให้คอนซีลเลอร์เกลี่ยง่ายขึ้น
ก่อนนอนเราใช้หลังจากทาครีมบำรุงปกติเสร็จแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าถูกวิธีไหม 555555
และเราใช้นิ้วนางทาค่ะ ดูเหมือนดัดจริตนิดนึงแต่เห็นเค้าทำกันก็เลยเอาบ้าง .___.

ไปดูในส่วนของเมคอัพกันต่อเลย

Brow Kit สี Saddle / Mahogany 2 (2,000 บาท)
จากชะนีที่ใช้ดินสอเขียนคิ้วมาโดยตลอดได้ค้นพบว่าแบบฝุ่นเขียนง่ายกว่ามาก
และดูเป็นธรรมชาติกว่ากันเยอะ ก็เลยจัดมา 1 อันโดยเลือกสีที่ใกล้เคียงสีผมที่สุด
ข้างในมีแหนบกับแปรงให้ด้วย แต่แปรงแข็งไปนิด เลยใช้แปรงที่มีอยู่เขียนแทน
รู้สึกว่าหน้าตัวเองดูซอฟท์กว่าตอนเขียนสีดำมาก แต่คงเขียนได้แค่ตอนไปข้างนอก
ตอนไปรร.กลัวผิดระเบียบแล้วโดนฝ่ายปกครองลบคิ้ว หนักกว่าเก่าอีก =_=

No Smudge Mascara สี Black 1 (1,200 บาท)
หลายๆคนอาจจะคิดว่าซื้อมาสคาร่ามาทำไม ของ Drug Store ก็ดีเหมือนกันนี่
คืออย่างงี้ค่ะ ตอนลองปัดที่เคาน์เตอร์รู้สึกขนตาเราฟรุ้งฟริ้งกว่าของที่ใช้อยู่ ณ ปัจจุบัน
ในเมื่อดีกว่าแล้วจะรออะไร จัดมาเลย 555555

และสุดท้ายภูมิใจนำเสนอมาก Sand Eye Palette (2,900 บาท)
แม่คุณเอ๊ยยยอะไรจะสวยขนาดนั้น และทุกสีใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องรองานแฟนซี
ซึ่งประกอบไปด้วย อายแชโดว์เนื้อด้าน 4 สี เมทัลลิค 2 สี และสปาร์คเคิลอีก 2 สี
จะใช้หมดเมื่อไหร่กันนะ คงต้องหันมาแต่งหน้าทุกเสาร์ซะแล้วสิ 55555

และด้วยความที่ยอดครบหมื่นพอดีเลยได้ Bobbi to Go มาด้วย
เป็นกระเป๋าเครื่องสำอางสีดำ
ข้างในมี Hydrating Face Cream, Hydrating Eye Cream และ Soothing Cleansing Oil ขนาดพกพา
ซึ่งเหมาะมาก เพราะเผื่อได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศอีก เราจะได้เอาสิ่งนี้ขึ้นเครื่องไป

แล้วก็ยังได้ passport ของ Bobbi Brown ด้วยที่ข้างในมีสิทธิประโยชน์ต่างๆมากมาย
เช่น เรียนแต่งหน้าฟรี กันคิ้วฟรี 1 ครั้งงี้ คือรู้สึกปริ่ม T^T รอขนคิ้วยาวก่อนจะไปทำแน่ 55555
ซึ่งที่ตำมาทั้งหมดนี้ ลดไปลดมาแพรต้องจ่ายเพิ่มแค่ 180 บาทเองอะ คุ้มมากกกก
โอเคไม่รู้จะพูดอะไรละ 55555 จบการโอ้อวดแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีค่ะ :p