10.21.2013

Review: AIMÉ Facial Cotton


ทนกระแสของสำลีตัวนี้ไม่ได้สินะ เสียตังอีกละ 55555
แต่คราวนี้ไม่เจ็บตัวมาก แค่คันๆ โดนไป65บาท ซื้อที่ Fuji UFM supermarket 
บางคนอาจจะคิดว่าราคาสูงกว่าสำลีทั่วไปตามท้องตลาดเนอะแต่ปริมาณเยอะกว่าจริงๆ
 ถามว่าแตกต่างจากสำลีทั่วไปยังไง? อันนี้เราก็ไม่ได้ไปสาระแนว่ายี่ห้ออื่นเค้าผลิตกันยังไง
แต่เอเม่ผลิตด้วยเทคโนโลยี Hydro Entanglement ชื่อสวยหรูดูดีแท้ *0*
มันคือการใช้แรงดันน้ำในการยึดเส้นใยสำลีเข้าด้วยกันนั่นเอง
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเป็นสำลีที่ไม่มีสารเคมี อ่อนโยน เหมาะกับผิวแพ้ง่าย
งั้นเรามาดูการรีวิวแบบบ้านๆของแอดแม่งที่ไม่ใช้เทคโนโลยีใดๆกันดีกว่า :p
สำลีห่อใหญ่พอสมควรคะ มี3แถว ขณะที่สำลีทั่วไปมีแค่2แถว 
แผ่นสำลีก็จะใหญ่กว่านิดนึงแต่น้ำหนักเบากว่า
พูดไปไม่เห็นภาพอะเทียบให้ดู 5555
 มาตรฐานทั่วไปตามท้องตลาดก็จะขนาดประมาณด้านซ้าย
สำลีเอเม่จะใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัดคะ :D

เมื่อลองเอามาทดสอบในการเช็ดเครื่องสำอางแล้ว
ทดสอบกับสำลีทั่วไปก่อนนะคะ อันนี้ใช้ลิขวิดอายไลน์เนอร์ แล้วก็ใช้เมคอัพรีมูฟเวอร์เช็ดออก
ปาดไปประมาณ6ครั้งถึงจะสะอาดหมดจดตามรูป
ส่วนสำลีเอเม่ไม่ต่างกันมากค่ะ แต่จะเร็วกว่านิดนึง :D
ปาดไปประมาณ5ทีหมดเกลี้ยง รอยแดงๆนั่นไม่ใช่ระคายเคืองนะ ฮาร์ดคอร์และเช็ดเยอะไปเอง 555
จึงเป็นที่สรุปได้ว่าถึงจะเป็นสำลีทำจากปุยเมฆ ดีแค่ไหนถ้ายังบ้าพลังมันก็หน้าย่นอยู่ดีว้อยยยย!!
สภาพสำลีหลังเช็ดก็จะสังเกตได้ว่าฝั่งขวาจะเป็นขุยน้อยกว่ามาก เอเม่ถือว่าชนะเลิศในเรื่องนี้ :D
แล้วเอเม่ก็ยังใจดีบอกวิธีใช้สำลีที่ถูกต้องไว้ด้านหลังห่อ
พออ่านดูถึงได้รู้ว่าตูทำพลาดมาโดยตลอดตั้งแต่วิธีจับสำลี  T____T
การจับที่ถูกต้องคือจับไว้ระหว่างน้ำชี้กับนิ้วก้อย
ซึ่งปกติเราจับแบบสี่นิ้วประคองนิ้วโป้งหนีบข้างบนแล้วปาดโลดดด -0-
เข้าใจผิดมาตลอดชีวิตสินะ ไม่แน่ใจว่าเป็นอยู่คนเดียวรึป่าว 5555

ก็มีเท่านี้แหละค่ะเรื่องวุ่นๆของสำลี ที่สำคัญแอดมินเพจของเอเม่บอกไว้ว่า
ไม่ควรแบ่งสำลีใช้ เพราะอะไรน่ะหรือ? มันก็จะเป็นขุยอยู่ดีไงหละ 555
ใครสนใจไปหาซื้อมาลองกันได้ ตอนนี้มีที่ Fuji UFM,Tops Market,Tsuruha
แต่ก่อนที่แอดแม่งจะไปยูเอฟเอ็มเราไปซูรูฮะก่อนนะ แต่...มันไม่มีของอะ งื้้อออ TT
เลยซมซานกลับมาที่ยูเอฟเอ็มสาขาสุขุมวิท 33/1 อันนี้มีแต่ของมีไม่มากนะคะ สงสัยฮอตจริง 555
ก็ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ ไปละบ้ายบายยยย :D

...แอดแม่ง...

10.18.2013

Review + How To : มาทำ Windows ให้หน้าตาเหมือน Mac OSX ด้วย Rocketdock

จากการคาดเดาของแอดพ่อง
คนกว่า 75% ใช้ Windows
จำนวนคนใช้ Windows ในนั้นอีก 45% อยากใช้ Mac
ในจำนวนนั้นอีก 10% ไปซื้อ Mac มาใช้ แต่ 90% ก็ยังคงแค่อยากใช้ต่อไป.........
แต่วันนี้แอดพ่องจะมาทำให้ฝันของคุณเป็นจริงง!! นิดหน่อยนะ 55555 -3-"
เราจะมาแปลงหน้าตาของ Windows แบบเดิมๆ ให้คล้าย Mac OSX ด้วย Rocketdock จ้าาาา <3

Before

After
(ไม่เหมือนแต่ก็คล้ายๆหน่าาาา 5555 -3-")

ก่อนอื่นเลย...โหลด Rocketdock กันก่อน


โหลดเสร็จก็ติดตั้งไฟล์โปรแกรมจ้าาา กด Next ไปเรื่อยๆ

เสร็จแล้วก็กดเปิดโปรแกรมได้เยยยยย
เข้าไปที่ Start > All Programs > Rocketdock
(ของแอดพ่องแปลกตานิดนึง เป็น Windows 8 หน่ะ 55555 -3-")

หลังจากเปิดโปรแกรมขึ้นมา Dock ของเราก็จะไปโผล่อยู่ข้างบน
(แต่ของแอดพ่องอยู่ข้างล่างเพราะเคย Set ไว้แล้ว 5555)

Taskbar ของเรามันช่างเกะกะซะจริงๆเลย! (ทำเสียงเหมือนหนังจีน --")
จัดการมันให้ไปอยู่ข้างบนซะ แล้วก็จัดการมันให้คล้ายๆ Mac โดยยยย
คลิกขวาที่ Taskbar > Properties > แล้วเซ็ตตามแอดพ่องเยยยย
หลังจากนั้น Taskbar เราก็จะไปอยู่ข้างบน + ผอมเพรียวเหมือน Mac ทันที <3

ปกติแล้ว Mac จะมี Icon อยู่ฝั่งขวา แต่แอดพ่องคิดว่ามันคงไม่จำเป็นหรอกเนาะๆๆ 5555
เก็บมันซะ!! โดยยยยย คลิกขวาที่ Desktop > แล้วเซ็ตเหมือนแอดพ่องเยยยย
เพียงเท่านี้ Desktop เราก็จะหายไปในพริบตา
(ลืมไปเลยว่าเคยมีไอคอน เอะ -3-)

เปลี่ยนสี Taskbar ข้างบนให้มันเหมือนๆ Mac กันหน่อยดีกว่าาา
แถบงานของ Mac สีจะออกขาวๆเทาๆ...เราก็เปลี่ยนของ Windows ให้สีออกขาวๆเทาๆด้วยละกัน >3<!!

เรามาเซ็ตตัว Dock ข้างล่างกันดีกว่าาา
เซ็ตตามแอดพ่องเลยน้าาา ^^


Note : Theme ที่ชื่อว่า Mac OS X Leopard โหลดตรงนี้ได้เลย :)
ส่วนวิธีติดตั้ง Theme ก็ Scroll ลงไปดูข้างล่างๆ แถวๆ Stack Docklet นะ
แอดพ่องอธิบายไว้แล้ว


แล้ว Icon ใน Dock หล่ะ จะจัดการอย่างไรดี.........
ทำตามแอดพ่องบอกนะ

ก่อนอื่นเลย โหลดรูปของ Icon มาเก็บไว้โดยการ 
1)Search ใน Google
2)โหลดของแอดพ่อง



(อันนี้คือที่แอดพ่องมี)

เวลาอยากได้ Icon มาอยู่ใน Dock ก็คลิกซ้ายแล้วลากเข้า Dock มา
ก็ได้แย้วว <3
ส่วนวิธีเปลี่ยนรูป ชื่อ ตำแหน่งไฟล์ ทำอย่างนี้
คลิกขวาที่ตัว Icon แล้วจัดการเปลี่ยนเลยยย


จัดการเปลี่ยนรูป ชื่อ ให้เหมือนทุกอัน ดูแบบในเว็บได้ว่า Mac เค้าเรียง Icon ยังไง
เรียงให้เหมือนเลยก็ได้ (แอดพ่องทำคล้ายๆ บางอันไม่เหมือนเป๊ะ 5555)

แอดพ่องมี Addon ตัวนึงมานำเสนอ มันคือ Stack Docklet
คือตัวที่ซ่อนไฟล์หลายๆไฟล์ได้เหมือน Mac ไงหล่ะ
(อ่านแล้วงงมั้ยหง่ะแงงง TT 55555)
ลองโหลดดูนะๆๆ


ส่วนวิธีติดตั้ง แอดพ่องขออธิบายพร้อมการติดตั้ง Theme เลยแล้วกันนะๆๆๆ
ทำตามรูปเลยยย

Stack Docklet ใช้เยี่ยงไร....
คลิกขวาที่ Dock > Add > Stack Docklet

แล้วเราก็คลิกขวาที่ Icon ของ Stack Docklet > Setting
ก็จะได้หน้าตาอย่างนี้

กดเลือก Destination (ตำแหน่ง) ของไฟล์ตรง Folder แล้วกด Enter
เวลาคลิกก็จะขึ้นไฟล์ + โฟล์เดอร์ในตำแหน่งที่เราตั้งค่าไว้นั่นเองง
ส่วน Mode คือการแสดงออกหลังจากเราคลิก
มี 2 แบบ
1)Fan คือแบบที่ Icon จะพุ่งเฉียงขึ้นไปข้างบน

2)Grid คือที่แสดงแบบกรอบสี่เหลี่ยม

เอาหล่ะใกล้เสร็จแล้ว ก็เหลือแค่ Wallpaper ที่เป็น Mac ของจริง
หาโหลดจาก Google ได้เลยยย


และนี่คือหน้าตาของ Desktop ของแอดพ่อง จ้าาาาา >3<!!

(แอดพ่องชอบ Wallpaper อันนี้เลยเลือกมา 5555)
แอดพ่องขอขยายความเล็กน้อยเกี่ยวกับ Icon นะครับผมม


Finder = My Computer ดีๆนี่เอง -3-"
Safari = โปรแกรมจริงๆที่แอดพ่องโหลดมาใช้เป็นเบราเซอร์เขียนบล็อก
Mail = เฟคให้เหมือน 5555
Contacts = เฟคเช่นกัน -3-"
Message = Line
Facetime = Skype
Photobooth = เฟคมา...แต่ในเว็บมีให้โหลดนะ ( แถมให้...คลิก )
iPhoto = ACDSee (แม่งไม่เกี่ยวกันเล๊ยยยย 5555)
iTunes = โปรแกรมจริงที่แอดพ่องไว้ Sync iDevices
Mac App Store = เฟคจ้าาาา ทำอะไรไม่ได้ 5555
System Preference = Control Panel
Word Excel Powerpoint = โปรแกรมจริงแต่เฟคหน้าตา Ico เป็น Icon ของ Mac --" 5555
Minecraft , Chrome = นี่คือเรื่องจริง โปรแกรมที่เห็นก็โปรแกรมจริงๆ ไม่ใช่ตัวแสดงแทน (เอะ 555)
Photoshop = แอดพ่องใช้ CS2 แต่เฟคให้อัพเดทสุดๆไปเลย! 55555
Drive = เฟค Icon ให้เหมือนของ Mac
Stack Docklet , Clock , Setting , Recycle Bin = เป็นของระบบมัน อย่าไปสนใจ

ปล.ใครจะเรียง + ตั้งชื่อตามแอดพ่องก็ได้นะครับผม ^^

เอาหล่ะท้ายสุด ขอ.......
ขอบคุณ Rocketdock + Addon ทั้งหลายในการเฟคให้เหมือนเยี่ยงนี้ 555555
ขอบคุณ appreview.in.th ที่เป็นแนวทางในการปรับแต่งนะครับผม
ขอบคุณเว็บนอกที่เอื้อเฟื้อรูป Icon ของ Mac มา ณ ที่นี้
ขอบคุณโปรแกรม Paint ในการจัดการเกี่ยวกับ Screenshot (ซึ่งปกติไม่เคยสนใจโปรแกรมนี้เลย 5555)
ขอบคุณตัวเองที่ขยันเขียน เพราะแอดพ่องต้องลองของก่อนรอบนึง แล้วลบ 
แล้วลงใหม่ให้ผู้อ่านทุกคนได้ดู (ลงทุนนะเนี้ย T3T 55555)
ขอบคุณแอดแม่งที่คอยจิกงานจนเสร็จหลังดองมาวันนึงเต็มๆ 
(ก็รูปมันเยอะนี่หน่าแอดแม่งงงง 55555 -3-")
ขอบคุณแม่งทุกอย่างที่ทำให้งานนี้เสร็จนะครับ Thankyouuu! <3

ถือว่าเป็นเมกะโปรเจคอันนึงเลยนะเนี้ย ไม่เคยเขียนเยอะขนาดนี้ -3-"
ใครสงสัยอะไรก็ทิ้งไว้ที่ Comment ได้เลยนะครับผม
ไว้ว่างๆแอดพ่องจะอัดวีดีโอมาให้ดูนะ ^^
วันนี้แอดพ่องไปแล้วนะ แล้วเจอกัน
ขอพักผ่อนหน่อยนะเมื่อยมว๊ากกกกกกก 55555
แล้วเจอกันนะ บะบายยยยย >3<!!

...แอดพ่อง...

10.15.2013

Review: 17 skin primer

ช่วงนี้แบรด์นี้ที่บู๊ทส์ลดราคา เห็นไพรเมอร์น่าลองราคาไม่แรง
เลยสอยมาสองหลอดด้วยกัน (คนละสูตรนะแจ้ะ) -..-
หลอดซ้ายราคา145บาท หลอดขวา 147 บาท ใครมีแอดแวนเทจการ์ดลดได้อีกน้าา :D
 ขนาด 15ml เท่ากันเลยแต่แค่หลอดซ้ายจะฝายาวกว่า (เพื่อ?)

17 Miracle Matte skin primer
เห็นเค้าบอกว่าช่วยควบคุมความมันได้ 22 ชม.เลยทีเดียว
สำหรับแอดแม่งแค่5ชม.ก็มันแผลบละ จะโทษอากาศเมืองไทยก็ได้ ร้อนเกินน =='
แต่ก็มันน้อยลงนิดนึง แต่ตรงหน้าผากนี่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยจ้า
ปากหลอดจะเล็กๆควบคุมปริมาณง่ายไม่เลอะเทอะ
เนื้อของไพรเมอร์จะเป็นสีขาว ไม่ได้เป็นซิลิโคนแต่อย่างใด
พอทาลงผิวไปมันจะรู้สึกฝืดๆแห้งๆ เพราะฉะนั้นใครผิวแห้งมองข้ามไปได้เลยตัวนี้
ตอนแรกลองตัวนี้กับมิสทีนวีวิด หน้ามันแผลบ อะไม่เป็นไรไม่ว่ากันสงสัยคนละยี่ห้อ
รอบที่สองลองกับแป้งฝุ่นของ 17 เอง ก็ยังมันอีกเลยแบบ ยอมแพ้ T^T 5555
สงสัยต้องลองเอาไปใช้ในที่หนาวๆแห้งๆซะแล้ว -..-

17 Photo Flawless skin primer
อันนี้เค้าบอกช่วยให้รูขุมขนดูเล็กลง ช่วยให้รองพื้นติดทนนาน
แต่เราไม่ใช้รองพื้นอะถ้าไม่จำเป็น กันแดด แป้ง จบ!
ปากหลอดเล็กเหมือนกัน แต่อันนี้เวลาปล่อยให้เนื้อมันแห้งบีบยังไงก็เลอะเทอะ -_-
เนื้อไพรเมอร์จะเป็นซิลิโคน ไม่มีสี แต่อันนี้ไม่รู้เพราะอากาศร้อนป่าวเลยดูเนื้อมันแฉะๆ
ตอนไปลองที่ร้านไม่เห็นเป็นแบบนี้ เป็นเนื้อแห้งๆธรรมดา เลยไม่รู้อันไหนดีไม่ดี 5555
แต่ทาแล้วผิวจะลื่นๆเนียนๆ แต่ไม่ช่วยปิดรูขุมขนแต่อย่างใด เหม็นแอลกอฮอลล์ด้วย
เสียดายตังอย่างแรงแพงกว่าสองบาทแต่หล่อนทำได้แค่นี้เองเรอะ!! 55555

สรุป ถ้าเอาแบบตรงๆไม่อ้อมค้อมเลยคือไม่ปลื้มทั้งสองตัวเลย
เข็ดกับไพรเมอร์ราคาถูกไปอีกนานแสนนาน ใครเห็นมันลดราคาอุ้ยตายถูกจัง
ซื้อมาลองดีกว่า อย่า...ถ้าไม่ได้ชอบจริงๆอย่าเลย
แต่สภาพผิวและความชอบแต่ละคนไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
ฟังเป็นแนวทางพอแล้วไปลองกันเองละกันเนอะ จบการรีวิวเพียงเท่านี้ค่ะ
ไปละบ้ายบายยยย :D
(หมีนี่ไม่มีอะไรหรอก แอดพ่องซื้อให้เมื่อนานมาแล้ว)
...แอดแม่ง...

10.07.2013

Diary: แชร์ประสบการณ์ผ่าฟันคุด

ตามหัวข้อเลยค่ะ คือนั่งอ่านของคนอื่นมาเยอะแล้วก็อยากจะเล่าจะแชร์บ้าง 5555
แอดแม่งผ่า2ซี่ล่างค่ะ มันขึ้นเป็นแนวนอนแล้วถ้าไม่ผ่าฟันที่เหลือจะล้มหมด
ทีนี้ก็หมดกันสิที่ดัดฟันไปเป็นปีๆหมดไปหลายหมื่น T___T เลยต้องจำใจผ่าค่ะ
ผ่าครั้งแรกเมื่อประมาณเดือนเมษาหรือพฤษภานี่แหละจำไม่ได้ 
เราผ่าที่ศูนย์ทันตกรรมธนบุรีค่ะที่เดียวกับที่ดัดฟัน บอกเลยว่าขอหมอที่มือเบาที่สุด
พอถึงวันผ่านี่กลัวตัวสั่นเลย -..- 555 ก่อนผ่าเค้าก็จะมียาให้กินก่อน
กินซักพักก็เรียกเราเข้าไป ใจเต้นตึกๆ นอนลงป๊าบบ ก็ถามหมอข้างไหนยากสุดเอาอันนั้น
ก็เลยผ่าข้างซ้ายก่อนค่ะ แล้วหมอก็ป้ายยาชาให้ก่อน หลังจากนั้นค่อยฉีด 
ตอนฉีดนี่น่ากลัวสุดละเอาจริงๆ ปิดตาอย่าคิดว่าไม่เห็นนะเฟ้ย เข็มยาวเฟื้อยเชียว -..-
ตอนฉีดนี่ปวดจี๊ดดเลยค่ะ จุดละประมาณ5วินาทีแล้วฉีดหลายจุดมาก พอเสร็จก็บ้วนน้ำ
ก็แอบสงสัยนะว่าหมอจะป้ายยาชาเพื่อ? ไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่เลย 5555
แล้วก็รอยาชาออกฤทธิ์ค่ะ ลิ้นจะชาแล้วก็จะรู้สึกว่าปากนิ่มๆใหญ่ๆเป็นเรื่องปกติของทุกครั้งที่ฉีดอยู่แล้ว
เสร็จแล้วหมอก็จะเอามีดมาจิ้มๆก่อนว่าเจ็บมั้ย พอไม่เจ็บแล้วก็เริ่มแหกเลยค่ะ
แล้วก็ไม่รู้อะนะว่าหมอทำไรมั่งแต่รู้ว่ากรอฟัน ดูดน้ำลายจนแห้งเลย -..-
พอทำไปซักพักเริ่มเจ็บนิดๆ เลยบอกหมอให้หยุดและฉีดยาชาเพิ่มกันไว้ก่อน
แล้วหลังจากนั้นก็ชิวๆค่ะ ฟันหลุดออกมาอย่างไม่ยากนัก ใช้เวลาประมาณครึ่งชม. 
พอกลับบ้านก้เอาน้ำแข็งประคบเรื่อยๆ นั่งเล่นชิวๆคุยskypeกับแอดพ่องไม่มีปัญหา 
แต่พอยาชาเริ่มหมดฤทธิ์นี่สิคะ นรกมากกก  ร้องไห้ต่อหน้าแอดพ่องอย่างไม่อายสิ่งใดทั้งสิ้น
 มันปวดมากอะค่ะ แล้วแก้มก็บวมมากๆ อ้าปากไม่ได้หาวทีก็ทรมาน 
(ใครที่รู้จักเราจะรู้ว่าเราหาวปากกว้างมากๆ) กินข้าวก็ได้ทีละช้อนชา
รู้สึกอยากนอนอย่างเดียวอะค่ะแต่ก็ต้องกินข้าวเพราะต้องกินยาด้วย เห้อออ
หลังจากนั้นประมาณ4-5วันมันเริ่มหายปวดค่ะแต่แก้มก็ยังบวมและอ้าปากไม่ได้มาก
ไปเจอแอดพ่องที่เดอะมอลล์แอดพ่องบอกชอบที่เราแก้มตุ่ย (อะไรของแก --!! 5555)
แล้วก็ถึงวันตัดไหมค่ะ ตัดแปปเดียวไม่เจ็บเลยซักนิด แล้วก็เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ
ถ้าถามว่าน้ำหนักลงมั้ย ลงนิดเดียวแต่พอหายก็ขึ้นมากกว่าเดิม เห้ออออ T3T

มาถึง part2 บ้างค่ะข้างขวา เพิ่งจะผ่ามาวันนี้เองสดๆร้อนๆ
ก็ตามสเต็ปเดิมค่ะ กินยาก่อนเข้าห้อง ฉีดยา เอามีดจิ้มแล้วเริ่มผ่า
คราวนี้ต้องกรอเยอะมากเพราะรากลึกและใกล้เส้นประสาท -0-
พอกรอไปซักพักรู้สึกเหมือนกรามจะหลุดค่ะ 5555 ต้องต้านแรงหมอมากๆ เหนื่อยสุดๆ
ทำไปได้ซักพักเห้ยนี่ไม่ใช่แรงกดละ ไม่ใช่ตึงละ นี่เราเจ็บ..เจ็บมาก
เริ่มทนไม่ได้เลยให้หมอฉีดยาชา แล้วมันก็เจ็บอีกค่ะตอนฉีดเลยรู้ว่ามันชาไปไม่ถึง 555
พอตอนดึงฟันออก เจ็บอีกค่ะคราวนี้ร้องไห้เลย TT หมอเลยฉีดยาชาให้อีก
ปล่อยให้เราสะอื้นไปซักพักแล้วก็ทำต่อ คราวนี้ไม่เจ็บแล้วแต่เมื่อยกรามมากๆ
พอฟันหลุดออกหมดจนไม่เหลือรากแล้วรู้สึกโล่งใจมากตอนนั้น
เหมือนผ่านสงครามมาก็ว่าได้ น้ำตาคลออีกครั้งด้วยความดีใจ แล้วก็ขอหมอเอาฟันกลับบ้าน
เสร็จแล้วตอนจะเดินไปหาแม่รู้สึกว่ามันไม่มีแรงเลย มือเย็นเท้าเย็นไปหมด
แม่เลยจัดแจงนวดให้ ไอเราก็นั่งร้องไห้ไปจนจ่ายเงินเสร็จอะไรเสร็จก็กลับบ้าน
เอาฟันไปนั่งดูอย่างภาคภูมิใจ 5555 คือมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาก
***ใจไม่ถึงอย่าดูค่ะ ด้านซ้ายคือผ่าครั้งแรก ด้านขวาคืออันล่าสุด
คือหมอไม่คิดจะล้างเลือดให้เลยช้ะ 5555 รากยาวเชียวแถมเกี่ยวงอด้วย
มิน่าละกรูถึงเจ็บ =_=!! (ขออภัยใช้คำไม่สุภาพมันเจ็บมากจริงๆค่ะคุณณณ)
ค่าเสียหาย 2,XXX บาทต่อซี่ค่ะ ทุกที่น่าจะประมาณนี้หมด
หลังจากยาชาหมดฤทธิ์เราคงนอนไม่รู้เรื่องอะค่ะ อยากจะหนีความจริงอันโหดร้าย 555
ก็ใครจะไปผ่าขอเป็นกำลังใจให้นะคะ เลือกหมอที่น่าเชื่อถือได้
หรือถ้าไม่ชัวร์จริงๆไปผ่าที่รพ.เลยค่ะเพราะเป็นอะไรไปก็จะได้ตรงนั้นเลย -3-
ที่สำคัญ....ใจค่ะต้องกล้านิดนึง คิดซะว่าเพื่อความสวย/หล่อของเราเนอะ 555
ลางาน/หยุดเรียนไว้ก่อน2-3วันเพื่อความชัวร์นะคะ :D เพราะแต่ละคนฟื้นตัวช้าเร็วต่างกัน
มีอะไรสงสัยถามได้เลยนะคะยินดีตอบเสมอ ไปละบ้ายบายยย

...แอดแม่ง...

10.06.2013

Review : Jumbo Pizza Puff by 1112

ช่วงนี้ก็หิวๆอะนะ (จริงๆแอดพ่องก็หิวแม่งทุกช่วงแหล่ะ 5555 -3-)
ก็เห็นโฆษณาทีวีอยู่ตัวนึง
แหม่ โฆษณาซะน่ากินเลย "จัมโบ้พิซซ่าพัฟ"
ของ The Pizza Company จ้าาาาาา
(เบอร์ 1112 อะนะ <3)

แอดพ่องก็จัดการโทรสั่งทันที
99 บาท + ค่าส่ง 40 = 139 บาทจ้าาา
 
เปิดออกมาปุ๊บก็...โอ้โห น่ากินจังง >3<!! 5555
1 กล่องมี 4 ชิ้น เฉลี่ยชิ้นละ 25 บาท
กลิ่นของชีสนี่นำมาเลย หอมๆๆ ><
ว่าแล้วก็หยิบออกมาชิ้นนึงดีกว่าา 
 
ข้างบนเป็นชีสกรอบๆ ข้งล่างก็แป้งพิซซ่าบางๆ ขอบของพีฟจะมีความกรอบ
แนะนำว่าให้รีบกินแล้วอย่าตากกับลมนานนะเดี๋ยวจะเหนียวซะก่อน -0-"
อะผ่าให้เห็นข้างในกันๆๆๆๆ

แอดพ่องสั่งฮาวาเอี้ยนนะ แต่จริงๆมีอีก
ข้างในก็ให้รสชาติอารมณ์เดียวกับพิซซ่าธรรมดา แต่แค่มีชีสกรอบๆกะแป้งกรอบๆ
ทำให้พัฟนี้โดดเด่นมากขึ้น กินแล้วเพลิน สี่ชิ้นหมดภายในพริบตา! 5555 >3<!!
ยังไงก็ลองไปสั่งดูได้นะครับผม วันนี้แอดพ่องขอตัวก่อนหล่ะ บะบายยยย ^^

...แอดพ่อง...